RANKFINDER

ทำไมการจัดลำดับคีย์เวิร์ดจึงสำคัญ
ทำไมการจัดลำดับคีย์เวิร์ดจึงสำคัญ

เว็บไซต์ข่าวหรือคอนเทนต์พอร์ทัลขนาดกลาง-ใหญ่มีคีย์เวิร์ดอยู่ในมือหลักหมื่นถึงหลักแสนจากบทความที่ตีพิมพ์ต่อเนื่องทุกวัน ตั้งแต่ข่าวด่วน, Long-tail, ไปจนถึงคอนเทนต์ Evergreen ที่อัปเดตทุกปี หากทีมงานลงมือรีไรต์หรือทำเทคนิค SEO กับทุกบทความแบบไม่เลือกก่อน เท่ากับกระจายทรัพยากร (เวลานักเขียน + งบพัฒนา + ลิงก์บิลด์) ไปยังหน้าที่อาจไม่มี “ศักยภาพ” เช่น บทความเก่า 4 ปี อันดับ 60 Volume 50 หรือเนื้อหาตามฤดูกาลที่เลยช่วงพีค เมื่อใช้แรงเท่ากันแต่ดันบทความผิดชุด ผลลัพธ์คือทราฟฟิกขึ้นเพียงเล็กน้อย ROI ต่ำ และทีมอาจเสียกำลังใจเพราะ “ทำงานหนักแต่ไม่เห็นตัวเลขขยับจริง

ในทางกลับกัน ถ้าเรานำข้อมูล Traffic ปัจจุบัน-อดีต, Search Volume และอันดับล่าสุดมาคำนวณเป็น “คะแนน Priority” แล้วโฟกัสแค่ 3–10 % บทความที่ได้คะแนนสูงสุด ทีมจะกู้ทราฟฟิกได้เร็วและคุ้มกว่าอย่างชัดเจน บทความเหล่านี้มักเคยทำคลิกดี ดีมานด์สูง แต่ร่วงอันดับเพราะเนื้อหาเก่า หรือถูกคู่แข่งแซง การรีไรต์-เพิ่ม Structured Data-เสริม Internal Link ให้เฉพาะกลุ่มนี้จึงเปรียบเหมือน “ยิงสไนเปอร์” — ใช้กระสุนน้อยแต่เข้าเป้า ทราฟฟิกรวมเด้งกลับเร็ว ทำให้ผู้บริหารเห็นผลไวและพร้อมสนับสนุนงบ SEO ต่อเนื่อง

ทำไมการจัดลำดับคีย์เวิร์ดจึงสำคัญ

คะแนน Priority ช่วยให้คุณตอบ 3 คำถามสำคัญได้ทันที

  1. คีย์เวิร์ดไหนคืนทราฟฟิกได้เร็วที่สุด?
  2. คีย์เวิร์ดไหนมี “ดีมานด์” สูงพอจะลงทุน?
  3. คีย์เวิร์ดไหนมีโอกาสขยับอันดับจริง ไม่ใช่แข่งขันในสนามยากเกินไป?

1. ทำไมต้องหา “คะแนน Priority” ก่อน?

เมื่อเว็บไซต์มีคีย์เวิร์ดจำนวนมาก การจัดลำดับความสำคัญก่อนลงมือปรับ SEO เป็นสิ่งจำเป็น คะแนน Priority ช่วยบอกว่า คีย์เวิร์ดไหนจะสร้างผลลัพธ์กลับคืนได้เร็วที่สุด ตามแนวคิด “ลงทุนทรัพยากรเท่าเดิม แต่ได้ทราฟฟิกกลับมามากที่สุด”

2. สูตรคำนวณ Priority Score

องค์ประกอบวิธีดึงข้อมูลคำอธิบายเชิงลึกเคล็ดไม่ลับ
Traffic_lossPrevious – Current (จาก GSC / Ahrefs / SEMrush)วัด ช่องว่าง ที่เคยมี (proof of concept ว่าเคยได้ทราฟฟิกจริง)ถ้า Current เป็น 0 ให้ถือว่า “Lost” แต่ต้องตรวจว่า URL ยัง index อยู่ไหม
VolumeAvg. Monthly Search (Google Keyword Planner / API)วัด ดีมานด์ ของตลาดต่อคีย์เวิร์ดใช้ 12 M average เพื่อลดฤดูกาล (seasonality)
Volume_maxค่า Volume สูงสุดในเซ็ตตัวอย่างใช้เพื่อ นอร์มัลไลซ์ ให้ได้สเกล 0–1ควรกำจัด Outlier ก่อน เช่น “facebook” ที่อาจสูงผิดปกติ
Rank_currentอันดับล่าสุด (SERP tracking tool)อันดับยิ่งสูง (เลขมาก) → easier to gain clicks onceปรับหากคำ “หลุด” หรือไม่ติด Top 100 ให้วนเป็น 101 เพื่อดันค่าคูณ

3. การแบ่งระดับด้วย เปอร์เซนไทล์

ระดับช่วงคะแนนวิธีหาค่าสัดส่วน*
High≥ 0.148ค่าควอไทล์ 90 (P90)≈ 10 %
Medium0.034 – < 0.148P75 – P90≈ 15 %
Low< 0.034ต่ำกว่า P75≈ 75 %

*สัดส่วน 75 / 15 / 10 ช่วยให้โฟกัสงานหลัก (High) ไม่เกิน 10 % ของทั้งหมด เหมาะสำหรับทีมที่ต้องจัดสรรเวลาและทรัพยากรจำกัด

เหตุผลที่เลือก P75 และ P90

  • P75 (0.034) : ตัด “หางล่าง” ที่คะแนนต่ำเกินไปออก เพื่อไม่ให้สิ้นเปลือง effort
  • P90 (0.148) : รับเฉพาะคีย์เวิร์ดหัวกะทิ (Top 10 %) ที่น่าจะคืน ROI ได้เร็ว


4. ขั้นตอนนำไปใช้งานจริง

คำนวณ Priority Score ของคีย์เวิร์ดทุกตัวตามสูตร

เรียงจากสูงไปต่ำ แล้วหาค่าควอไทล์ 75 และ 90

ติดป้ายระดับ

  • High : ≥ P90
  • Medium : P75–P90
  • Low : < P75

ลงมือทำตามลำดับ

  • ปรับ on-page, อัปเดตคอนเทนต์, เสริม internal link สำหรับ High ก่อน
  • ถัดมา Medium เมื่อ High เริ่มขยับอันดับ
  • Low ไว้เป็นงาน backlog หรือทำเมื่อมีเวลาว่าง

รีเฟรชข้อมูลทุก 30–60 วัน เพื่ออัปเดตคะแนนและระดับใหม่

5. ตัวอย่างย่อ

KeywordTraffic_lossVolumeRank NowPriority_scoreระดับ
ราคาน้ำมันวันนี้4,217110,000101266.19High
ร้านอาหารใกล้ฉัน59564,00010133.72Medium
สภาพอากาศกรุงเทพ124,000150.02Low

สังเกตว่าแม้ “ร้านอาหารใกล้ฉัน” จะมี Traffic_loss น้อยกว่ามาก แต่ Volume สูงและอันดับร่วงหนัก จึงได้คะแนนสูงกว่าอีกหลายคำ

Best Practice ในการนำไปใช้

1. Weekly SEO Ops Loop

  1. อัปเดตดาต้าทุกสัปดาห์ (ใช้ Looker Studio + BigQuery สร้างตารางอัตโนมัติ)
  2. รีคำนวณ Priority_score → ออกเป็น Sheet “keyword_priority_{date}.csv”
  3. Sprint Planning
    • High → สร้าง Card “Rewrite / Structured Data / Outreach”
    • Medium → Card “เตรียม Research”
    • Low → ใส่ Backlog

2. เทคนิคเพิ่มประสิทธิภาพ

เทคนิคทำอย่างไรผลลัพธ์
Combine with Cannibalizationเช็กว่าคีย์เวิร์ด High ถูกหลาย URL แย่ง rank หรือไม่แก้ canonical + รีไดเร็กต์จะเห็นผลเร็ว
Topic Cluster LinkingInternal link จากบทความ Traffic สูงไป High Priorityจ่าย “Link Equity” ดันอันดับเร็วขึ้น
Seasonality Factorถ้าเป็นคำตามฤดูกาล (Songkran, Black Friday) ให้เพิ่มน้ำหนักอีก × 1.2ไม่พลาดโอกาสช่วงพีค
RTBF Notification*ตั้งแจ้งเตือน (n8n / Zapier) หาก Keyword High หลุด Top 20 อีกลด “Ranking Decay” อัตโนมัติ

*RTBF = “Rank To Be Fixed”

3. สิ่งที่ควรระวัง

  • Volume ข้อมูลผิด: คำสั้นเช่น “youtube” อาจไม่เกี่ยวกับไซต์ → ลบออกก่อนหา Volume_max
  • Traffic_loss เท่ากับ 0 อาจเป็นบทความใหม่ → ประเมินแยกกับ Content Gap Analysis
  • Rank Tracking Lag: ใช้ cache SERP 24 H; ถ้าดึงอันดับ “เมื่อวาน” แต่ Clicks “วันนี้” จะคลาดเคลื่อนเล็กน้อย

สรุป: Roadmap สู่ “Efficient SEO Sprint”

  1. รวบรวมดาต้า (Clicks + Volume + Rank)
  2. คำนวณ Priority_score ด้วยสูตร 3 ตัวคูณ
  3. ตัด P75 / P90 → High / Medium / Low
  4. โฟกัส High ใน Sprint 2 – 4 สัปดาห์แรก
  5. รีวิวผล + รีคำนวณ ทุก 30 – 60 วัน เพื่อให้ Priority สดใหม่
  6. ขยายทีม/ทรัพยากร ไปสู่ Medium เมื่อผลลัพธ์ High เริ่มนิ่ง

การแบ่ง Priority อย่างมีหลักการช่วย “ใช้แรงเท่าเดิม แต่ได้ทราฟฟิกกลับคืนเร็วขึ้น” และทำให้การสื่อสารข้ามทีม (Content, Dev, Outreach) ชัดเจนขึ้นมาก—เพราะทุกคนพูดด้วยตัวเลขเดียวกัน.

กล่าวง่าย ๆ สำหรับเว็บ Portal การทำ SEO แบบ “ยิงกระสุนทุกทิศ” อาจเสียทั้งเงินและเวลามากกว่า “ยิงสไนเปอร์ไม่กี่นัดแต่เข้าเป้า” การคำนวณ Priority_score แล้วเลือกทำแต่ High/Medium ก่อน จึงเป็นกลยุทธ์ใช้ทรัพยากรน้อยแต่สร้างผลลัพธ์สูงสุดในโลกคอนเทนต์ที่เคลื่อนไหวเร็ว

อ่านบทความอื่นเกี่ยวกับ SEO

Related Link

Contact us

สอบถาม / สังซื้อบริการ / จองคอร์สเรียน